แอร์บ้าน กับ แอร์สำหรับโกดังสินค้า ต่างกันอย่างไร?

ในปัจจุบัน “เครื่องปรับอากาศ” หรือ “แอร์” มีบทบาทสำคัญไม่ใช่แค่ในบ้านพักอาศัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานที่ขนาดใหญ่ เช่น โกดังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม และคลังเก็บสินค้า ซึ่งแอร์แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับพื้นที่และรูปแบบการใช้งาน

โดยทั่วไปแล้ว แอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

1. แอร์บ้าน
เป็นเครื่องปรับอากาศสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น บ้านพัก สำนักงานทั่วไป หรือห้องขนาดไม่เกิน 40-50 ตารางเมตร แอร์ประเภทนี้ส่วนมากจะเป็นแบบแยกส่วน (Split Type) เช่น แอร์ติดผนังหรือแอร์ตั้งแขวน ใช้พลังงานไฟฟ้า 220 โวลต์ และมีขนาดการทำความเย็น (BTU) ไม่เกิน 50,000 BTU

2. แอร์สำหรับโกดังหรือคลังสินค้า
พื้นที่โกดังหรือคลังสินค้ามักมีขนาดใหญ่และเพดานสูง จึงต้องใช้แอร์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น แอร์แบบตู้ตั้งพื้น หรือระบบ Chiller ที่มี BTU ตั้งแต่ 40,000 ไปจนถึงมากกว่า 1,000,000 BTU ซึ่งรองรับพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังใช้ระบบไฟฟ้าแรงดันสูง 3 เฟส 380 โวลต์ และมีระบบควบคุมความชื้น การกระจายลม และความสะอาดของอากาศที่ซับซ้อนกว่าระบบแอร์บ้าน

แล้วควรเลือกใช้แบบไหนดี?

การเลือกแอร์สำหรับโกดังหรือคลังสินค้า ควรคำนึงถึง ลักษณะของพื้นที่ และ รูปแบบการใช้งาน เป็นหลัก หากเป็นพื้นที่ขนาดเล็กหรือแบ่งเป็นห้องย่อย อาจเลือกใช้แอร์บ้านหลายเครื่อง แต่ถ้าเป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ การเลือกแอร์สำหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะจะให้ประสิทธิภาพและความคุ้มค่ามากกว่า

สำหรับผู้ที่กำลังมองหา โกดังให้เช่า หรือพื้นที่ เช่าคลังสินค้า ควรตรวจสอบระบบปรับอากาศหรือระบบระบายอากาศให้เหมาะสมกับประเภทของสินค้าและการใช้งานในแต่ละวัน เพื่อให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพสูงสุด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  www.2pt3q.com/industrial-air-conditioner/