ในยุคที่พื้นที่เมืองหายากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจหลักอย่าง กรุงเทพฯ, โตเกียว หรือเซี่ยงไฮ้ ความท้าทายในการจัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด ทั้งผู้ประกอบการโลจิสติกส์, ค้าปลีก, และผู้ให้บริการ โกดังให้เช่า ต่างมองหาทางเลือกใหม่ในการใช้ “พื้นที่แนวตั้ง” แทนการขยายแนวนอน

จึงเกิดแนวคิด โกดังใต้ดิน และ โกดังลอยฟ้า ขึ้น เพื่อใช้พื้นที่จำกัดในเมืองให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น


 โกดังใต้ดิน: ทางเลือกลึกแต่ล้ำ

 ✅จุดเด่น

  • ใช้พื้นที่ใต้ดินซึ่งปกติไม่ได้ใช้งาน
  • เหมาะสำหรับจัดเก็บสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ เช่น ยา อาหารสด
  • ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ เช่น พายุ น้ำท่วม

❌ ข้อควรระวัง

  • ต้นทุนก่อสร้างสูง ต้องการวิศวกรรมขั้นสูงและระบบระบายอากาศที่ดี
  • เข้าถึงยาก ต้องมีระบบลิฟต์หรือสายพานอัตโนมัติ

โกดังลอยฟ้า: เติมศักยภาพจากฟ้า

✅ จุดเด่น

  • ใช้หลังคาอาคาร โรงงาน ห้างสรรพสินค้าให้เกิดประโยชน์
  • ติดตั้งระบบ Automation และหุ่นยนต์ขนส่งได้
  • เหมาะกับ “ศูนย์กระจายสินค้าแบบไมโคร” (Micro Fulfillment Center) ใจกลางเมือง

❌ ข้อควรระวัง

  • ต้องตรวจสอบโครงสร้างอาคารให้รองรับน้ำหนักได้
  • เข้าถึงยาก หากไม่มีลิฟต์หรือระบบขนส่งแนวดิ่ง

สรุป

ในโลกที่พื้นที่แนวนอนไม่เพียงพออีกต่อไป การคิดแบบ “แนวลึก” และ “แนวดิ่ง” คือหัวใจของอนาคต ไม่ว่าจะเป็น โกดังใต้ดิน หรือ โกดังลอยฟ้า สิ่งสำคัญคือการออกแบบให้สอดคล้องกับการใช้งานจริง และตอบโจทย์ตลาด โกดังให้เช่า ที่ต้องการความเร็ว ยืดหยุ่น และต้นทุนต่ำในระยะยาว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.jll.co.th/th/trends-and-insights/cities/multi-storey-warehouses-are-on-the-rise-in-asia , https://asia.nikkei.com