
เทคโนโลยีกับคลังสินค้า
เทคโนโลยีกับคลังสินค้ามีความสัมพันธ์กันอย่างมากในยุคปัจจุบัน โดยเทคโนโลยีได้เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และปรับปรุงกระบวนการจัดการคลังสินค้าให้ทันสมัยและแม่นยำมากขึ้น โดยสามารถแบ่งออกเป็นหลายด้าน
1. ระบบจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System – WMS)
- ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์
- ช่วยวางแผนพื้นที่จัดเก็บ, ควบคุมสต๊อก, ตรวจสอบสถานะสินค้า
- รองรับการบูรณาการกับระบบ ERP หรือระบบขายออนไลน์
2. เทคโนโลยีบาร์โค้ดและ RFID
- บาร์โค้ด (Barcode): ใช้สแกนเพื่อลดความผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลมือ
- RFID (Radio Frequency Identification): สามารถอ่านข้อมูลจากสินค้าหลายชิ้นพร้อมกันโดยไม่ต้องมองเห็นตัวป้าย
3. หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Automation & Robotics)
- หุ่นยนต์หยิบสินค้า (Pick and Place)
- ระบบลำเลียงอัตโนมัติ (Automated Conveyors)
- AGV (Automated Guided Vehicles): ยานพาหนะที่วิ่งในคลังโดยไม่ต้องมีคนขับ
4. Internet of Things (IoT)
- อุปกรณ์ IoT ติดตามสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้นในคลัง
- ติดตามตำแหน่งพาเลทหรือสินค้าแบบเรียลไทม์
5. ระบบคลาวด์และการวิเคราะห์ข้อมูล (Cloud & Analytics)
- จัดเก็บข้อมูลคลังบนคลาวด์เพื่อเข้าถึงจากที่ใดก็ได้
- วิเคราะห์แนวโน้มการหมุนเวียนของสินค้าเพื่อปรับปรุงสต๊อก
6. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง
- พยากรณ์ความต้องการสินค้า
- แนะนำการจัดเรียงสินค้าเพื่อให้หยิบได้เร็วที่สุด
- วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวางแผนเส้นทางและการจัดส่ง
7. โดรน (Drones)
ช่วยลดเวลาการตรวจนับสต๊อก
ใช้บินตรวจสอบสต๊อกในคลังที่มีชั้นวางสูง
อ้างอิง : https://www.democracybuilders.org/