ปัจจัยสำคัญในการเลือกทำเลที่ตั้งโกดังคลังสินค้า
การเลือกทำเลสำหรับโกดังหรือคลังสินค้าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานโลจิสติกส์ ต้นทุน รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ ผู้ผลิต หรือผู้ให้บริการจัดเก็บสินค้า ล้วนต้องให้ความสำคัญกับการเลือกทำเลอย่างรอบคอบ เพราะ “ทำเลที่ดี” สามารถช่วยประหยัดเวลา ลดต้นทุน และรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตได้อย่างมีนัยสำคัญ

1. ความสะดวกในการขนส่ง และการเชื่อมต่อเส้นทางหลัก

การขนส่งเป็นหัวใจของคลังสินค้า ทำเลที่ดีต้องเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น

  • มอเตอร์เวย์ และทางด่วน
  • ถนนวงแหวน
  • ท่าเรือ
  • สนามบิน
  • เขตอุตสาหกรรม การอยู่ใกล้เส้นทางขนส่งหลักช่วยลดเวลาการเดินทาง ลดต้นทุนค่าน้ำมัน และเพิ่มความคล่องตัวในการจัดส่งสินค้า

2. ระยะทางใกล้กับตลาดเป้าหมายหรือคู่ค้าหลัก

ธุรกิจจำนวนมากเลือกทำเลโกดังตามจุดที่ลูกค้าหรือคู่ค้ารวมตัวกัน เช่น

  • ใกล้เมืองใหญ่
  • ย่านกระจายสินค้า
  • พื้นที่โรงงานและผู้ผลิต เพื่อลดเวลาระหว่างการรับ–ส่งสินค้า เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และช่วยให้ระบบโลจิสติกส์ไหลลื่นมากขึ้น

3. ต้นทุนค่าเช่าหรือราคาที่ดินที่เหมาะสม

ต้นทุนเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะโกดังเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ การเลือกทำเลที่คุ้มค่าและเหมาะสมต้องพิจารณา

  • ราคาเช่าต่อตารางเมตร
  • ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
  • ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับศักยภาพการขยายตัว บางครั้งทำเลห่างออกไปเล็กน้อยแต่เชื่อมเส้นทางดี อาจคุ้มค่ากว่าพื้นที่ใจกลางที่ราคาแพงเกินไป

4. สภาพแวดล้อมและความปลอดภัยของพื้นที่

คลังสินค้าต้องจัดเก็บสินค้าที่มีมูลค่า จึงต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความปลอดภัย เช่น

  • ระบบรักษาความปลอดภัยดีในย่านนั้น
  • ถนนดี ไม่เปลี่ยวเกินไป
  • ไม่มีประวัติน้ำท่วม
  • ไม่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อเหตุอาชญากรรมการเลือกทำเลที่ปลอดภัยช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาวและลดค่าใช้จ่ายด้านประกัน

5. ความพร้อมของแรงงานในพื้นที่

ธุรกิจบางประเภทต้องการแรงงาน เช่น การแพ็กสินค้า คัดแยกสินค้า หรือการจัดการคลัง
ดังนั้นทำเลที่มีแรงงานเพียงพอ หรืออยู่ใกล้ชุมชนจึงได้เปรียบ และมีต้นทุนค่าจ้างที่เหมาะสม

6. ความพร้อมของสาธารณูปโภค

โกดังที่ดีต้องมีระบบพื้นฐานที่รองรับ เช่น

  • ไฟฟ้าสามเฟส
  • ระบบน้ำ
  • ระบบอินเทอร์เน็ต
  • ถนนเข้า–ออกสำหรับรถบรรทุกหากทำเลไม่ได้รองรับสิ่งเหล่านี้ อาจต้องลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมาก

7. ความสามารถในการขยายพื้นที่ในอนาคต

หลายธุรกิจเติบโตเร็ว โดยเฉพาะอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ ทำเลที่เลือกควรมีศักยภาพในการขยายพื้นที่หรือสร้างโกดังเพิ่ม เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ลดการย้ายสถานที่ซึ่งเสียทั้งเวลาและต้นทุน

8. ข้อกฎหมายและผังเมือง

ทำเลต้องอยู่ในพื้นที่ที่อนุญาตให้ใช้เป็นโกดังหรือกิจการประเภทอุตสาหกรรม ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า

  • เป็นพื้นที่สีม่วง/สีส้ม หรือพื้นที่ที่กฎหมายรองรับ
  • ไม่มีข้อจำกัดด้านเสียง กลิ่น หรือการจราจรการเลือกทำเลผิดประเภทอาจทำให้ถูกสั่งห้ามใช้หรือถูกปรับในภายหลัง

อ้างอิง : https://www.storehouse.co.th/ https://tipprojects.com/