แนวทางการเติบโตของธุรกิจเช่าโกดัง

ธุรกิจเช่าโกดังในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซ การพัฒนาโลจิสติกส์ และความต้องการพื้นที่จัดเก็บสินค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้จึงจำเป็นต้องมองหาแนวทางใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

1. พัฒนาโกดังสู่ Smart Warehouse

แนวโน้มสำคัญของธุรกิจเช่าโกดังคือการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการคลังสินค้า เช่น

  • ระบบจัดการสินค้าด้วย IoT (Internet of Things) ช่วยติดตามสินค้าทุกขั้นตอนแบบเรียลไทม์
  • ระบบอัตโนมัติ (Automation) และ หุ่นยนต์ขนสินค้า (Robotics) ช่วยลดแรงงานคนและเพิ่มความแม่นยำ
  • AI และ Big Data สำหรับวิเคราะห์ปริมาณสินค้าและคาดการณ์ความต้องการล่วงหน้า

การพัฒนาโกดังให้เป็น Smart Warehouse ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มและความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าในระยะยาว

2. เลือกทำเลเชิงกลยุทธ์

ทำเลถือเป็นหัวใจของธุรกิจเช่าโกดัง โดยพื้นที่ที่อยู่ใกล้ โครงข่ายคมนาคมหลัก เช่น ทางด่วน รถไฟรางคู่ หรือท่าเรือ จะมีความได้เปรียบสูง ผู้ประกอบการควรเลือกพื้นที่ที่สามารถเชื่อมโยงระหว่าง ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) และ ตลาดผู้บริโภคหลัก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

  • โซนบางนา–ตราด / ฉะเชิงเทรา / ชลบุรี – สำหรับธุรกิจนำเข้า–ส่งออก
  • โซนปทุมธานี / ลำลูกกา / รังสิต – สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและกระจายสินค้าภายในประเทศ

3. ออกแบบโกดังให้ยืดหยุ่นต่อความต้องการ

ลูกค้าปัจจุบันต้องการพื้นที่ที่ ปรับเปลี่ยนได้ตามรูปแบบธุรกิจ เช่น โกดังที่สามารถแบ่งพื้นที่เช่าได้หลายขนาด หรือปรับโครงสร้างภายในให้รองรับทั้งการจัดเก็บสินค้าแห้ง สินค้าเย็น หรือสินค้าขนาดใหญ่ การออกแบบโกดังให้ตอบโจทย์ความยืดหยุ่นนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย

4. เพิ่มบริการเสริม (Value-Added Services)

เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ธุรกิจเช่าโกดังควรพัฒนา “บริการครบวงจร” เช่น

  • บริการจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management Service)
  • ระบบขนส่งและกระจายสินค้า
  • บริการแพ็กกิ้งและจัดการคำสั่งซื้อ (Fulfillment Service) การให้บริการครบวงจรเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้บริการในรูปแบบ “One Stop Service” เพิ่มความสะดวกและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้เช่า

5. สร้างมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

ปัจจุบันหลายองค์กรให้ความสำคัญกับ ESG (Environment, Social, Governance) ธุรกิจเช่าโกดังสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนด้วยการนำแนวคิดสีเขียวมาใช้ เช่น

  • ติดตั้ง โซลาร์เซลล์ บนหลังคาเพื่อลดค่าไฟฟ้า
  • ใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • จัดระบบจัดการน้ำและของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ

โกดังสีเขียว (Green Warehouse) จะกลายเป็นจุดแข็งของธุรกิจในอนาคต โดยเฉพาะสำหรับลูกค้าระดับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

6. การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ (Partnership)

ความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น บริษัทโลจิสติกส์ ธนาคาร สตาร์ทอัปเทคโนโลยี หรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จะช่วยให้ธุรกิจเช่าโกดังสามารถขยายบริการและเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนและเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน

อ้างอิง : https://www.storehouse.co.th/ https://www.storehouse.co.th/