
ในยุคที่การขนส่งและคลังสินค้าต้องการความแม่นยำและความเร็วสูง การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง โกดังสินค้า (Warehouse) และ ระบบขนส่ง (Transportation) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารซัพพลายเชนยุคใหม่ โดยมีการนำเทคโนโลยี WMS (Warehouse Management System) และ TMS (Transportation Management System) เข้ามาใช้ เพื่อให้กระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติ ราบรื่น และลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบที่ใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูล
1. WMS (Warehouse Management System)
หน้าที่:
ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (WMS) มีบทบาทในการควบคุมและตรวจสอบการเคลื่อนไหวของสินค้าภายในคลัง ตั้งแต่การรับสินค้า การจัดเก็บ การหยิบสินค้า ไปจนถึงการจ่ายออก โดยช่วยให้ทุกขั้นตอนเป็นระบบและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
การเชื่อมโยง:
WMS จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับ สินค้าคงคลัง, สถานะสินค้า, และข้อมูลการเตรียมการจัดส่ง ไปยังระบบ TMS เพื่อใช้ในการวางแผนการขนส่งและติดตามการจัดส่งต่อไป
2. TMS (Transportation Management System)
หน้าที่:
ระบบบริหารจัดการการขนส่ง (TMS) มีหน้าที่วางแผน จัดตาราง และควบคุมการขนส่งสินค้า ตั้งแต่การเลือกยานพาหนะ เส้นทางขนส่ง ไปจนถึงการติดตามสถานะสินค้าในระหว่างทางแบบเรียลไทม์
การเชื่อมโยง:
TMS จะรับข้อมูลจาก WMS เพื่อใช้ในการ วางแผนเส้นทางขนส่งที่เหมาะสมที่สุด, เลือกพาหนะที่คุ้มค่า, และ ติดตามสถานะการจัดส่งสินค้า อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง WMS และ TMS
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน:
การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้กระบวนการจัดเก็บและขนส่งทำงานต่อเนื่อง ลดระยะเวลารอสินค้าและเพิ่มความเร็วในการจัดส่ง - ลดข้อผิดพลาดในการจัดการสินค้า:
การเชื่อมโยงระบบช่วยลดความผิดพลาดจากการป้อนข้อมูลซ้ำซ้อน หรือความคลาดเคลื่อนในการหยิบสินค้าและจัดส่ง - วางแผนเส้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
TMS สามารถใช้ข้อมูลจาก WMS เพื่อคำนวณเส้นทางขนส่งที่สั้นที่สุด ช่วยประหยัดน้ำมัน ลดระยะเวลา และเพิ่มรอบการขนส่ง - ลดต้นทุนการดำเนินงาน:
การบริหารคลังสินค้าอย่างแม่นยำโดย WMS และการจัดการเส้นทางโดย TMS ช่วยลดทั้งต้นทุนด้านพลังงานและแรงงาน - ติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์:
ทั้งผู้จัดการโลจิสติกส์และลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะสินค้าได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่คลังจนถึงปลายทาง
ตัวอย่างกระบวนการทำงานร่วมกันของ WMS และ TMS
| ขั้นตอน | ระบบที่เกี่ยวข้อง | การทำงานหลัก |
| 1. รับสินค้าเข้าคลัง | WMS | บันทึกข้อมูลสินค้าและจัดเก็บเข้าพื้นที่ที่เหมาะสม |
| 2. เตรียมสินค้าเพื่อจัดส่ง | WMS → TMS | ส่งข้อมูลรายการสินค้าและคำสั่งจัดส่งไปยังระบบขนส่ง |
| 3. วางแผนการขนส่ง | TMS | วางแผนเส้นทาง เลือกรถ และจัดตารางขนส่ง |
| 4. ขนส่งสินค้า | TMS | ติดตามสถานะและตำแหน่งของสินค้าระหว่างขนส่งแบบเรียลไทม์ |
| 5. ส่งสินค้าถึงปลายทาง | TMS → WMS | อัปเดตข้อมูลสถานะสินค้าและยืนยันการส่งมอบ |
การเชื่อมโยงระหว่าง WMS และ TMS เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบโลจิสติกส์ยุคใหม่ที่มุ่งเน้น ความแม่นยำ ความรวดเร็ว และต้นทุนที่คุ้มค่า การบูรณาการทั้งสองระบบเข้าด้วยกันไม่เพียงช่วยให้การจัดเก็บและขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในโลกอีคอมเมิร์ซและซัพพลายเชนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างยั่งยืน
อ้างอิง https://www.parkfac.com/what-is-cross-docking/ , https://www.skyfrog.net/home/wms-tms-the-perfect-combination/