
10 เทคนิคการควบคุมสต็อกสินค้าเพื่อลดต้นทุน
1. ตั้งจุดสั่งซื้อขั้นต่ำ (Reorder Point)
- กำหนดระดับสินค้าที่ต้องเริ่มสั่งซื้อใหม่
- ป้องกันสินค้าหมดสต็อกโดยไม่จำเป็น
- ลดต้นทุนการสั่งซื้อที่เร่งด่วน
2. ใช้หลักการ EOQ (Economic Order Quantity)
- คำนวณปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสมที่สุด
- ลดต้นทุนรวมของการสั่งซื้อและการเก็บรักษาสต็อก
3. วางระบบ First-In First-Out (FIFO) หรือ FEFO
- FIFO: สินค้าที่เข้าก่อนให้ออกก่อน เหมาะกับสินค้าทั่วไป
- FEFO: สินค้าที่ใกล้หมดอายุก่อนให้ออกก่อน เหมาะกับสินค้าเน่าเสียง่าย
- ลดการสูญเสียจากของเสียหรือหมดอายุ
4. ใช้ซอฟต์แวร์จัดการสต็อก (Inventory Management System)
- ตรวจสอบสต็อกแบบเรียลไทม์
- ลดความผิดพลาดจากการนับมือ
- ช่วยวางแผนการสั่งซื้อและจัดเก็บ
5. ทำ Stock Audit อย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจนับสินค้าจริงเทียบกับระบบ (Cycle Count หรือ Physical Count)
- ค้นหาสาเหตุของการสูญหาย เช่น การขโมย, การบันทึกผิด
6. จัดประเภทสินค้าแบบ ABC
- แบ่งสินค้าออกเป็นกลุ่ม A (ขายดี), B (ขายปานกลาง), C (ขายช้า)
- ให้ความสำคัญกับสินค้ากลุ่ม A เป็นพิเศษ
- ลดสต็อกสินค้ากลุ่ม C เพื่อลดต้นทุนจม
7. ใช้ระบบ Just-In-Time (JIT)
- สต็อกให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น โดยประสานกับซัพพลายเออร์ให้ส่งของตามเวลาที่ต้องใช้
- ลดต้นทุนการเก็บรักษา แต่ต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี
8. บริหารสต็อกแบบ Multi-location อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตรวจสอบว่าคลังสินค้าต่างๆ มีของเพียงพอ โดยไม่ซ้ำซ้อนกันเกินไป
- ลดต้นทุนการขนส่งระหว่างคลัง
9. กำจัดสินค้าค้างสต็อก (Dead Stock)
- วิเคราะห์สินค้าที่ขายไม่ออกและหาวิธีกำจัด เช่น ลดราคา, โปรโมชัน, แพ็คของแถม
- ป้องกันต้นทุนจมในสินค้าที่ไม่มีการหมุนเวียน
10. วิเคราะห์แนวโน้มการขาย (Demand Forecasting)
- ใช้ข้อมูลยอดขายเดิมและฤดูกาลในการคาดการณ์ความต้องการสินค้า
- ลดการสต็อกสินค้าที่มากเกินความจำเป็น
การควบคุมสต็อกอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การลดจำนวนสินค้า แต่คือการ บริหารความสมดุลระหว่างต้นทุนกับความสามารถในการตอบสนองลูกค้า หากทำได้ดีจะช่วยลดต้นทุนโดยตรง เพิ่มกระแสเงินสด และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
อ้างอิง : https://www.ecount.com/ https://www.businessplus.co.th/